ไส้ติ่งอักเสบ ป้องกันได้
03 กรกฎาคม 2567
โรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) มักเกิดจากของเสีย สิ่งแปลกปลอม หรืออุจจาระที่เคลื่อนลงไปอุดตันในไส้ติ่งทำให้เกิดแบคทีเรียสะสม มีเลือดคั่ง และกระจายไปที่ผนังไส้ติ่งจนเกิดการอักเสบกลายเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ
ในที่สุด หากไส้ติ่งแตกทะลุจนเกิดการติดเชื้อในช่องท้องแล้วกลายเป็นติดเชื้อในกระแสเลือดอาจมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
อาการที่บ่งบอกว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ
- ระยะที่ 1 เป็นระยะเริ่มแรกที่ไส้ติ่งเริ่มอุดตัน จะมีอาการปวดท้องบริเวณรอบสะดืออย่างฉับพลัน จุกแน่นท้อง เบื่ออาหาร
- ระยะที่ 2 เป็นระยะที่ไส้ติ่งเริ่มบวม โดยจะมีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวา หากมีการเคลื่อนไหว เช่น เดิน ไอ จาม จะรู้สึกเจ็บมากขึ้น บางรายอาจมีท้องเสียร่วมด้วย
- ระยะที่ 3 เป็นระยะที่อันตรายเพราะไส้ติ่งแตก และเชื้อแบคทีเรียกำลังแพร่กระจายในช่องท้องจะทำให้ผู้ป่วยมีไข้ขึ้น และหากไม่ได้รับการผ่าตัดจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดส่งผลให้เสียชีวิต
การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบ
- ตรวจเลือด แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจดูว่ามีปริมาณเม็ดเลือดขาวเยอะหรือไม่ หากเม็ดเลือดขาวมีปริมาณมากจะสามารถบ่งบอกถึงการติดเชื้อได้
- ตรวจอัลตราซาวด์ หรือตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ด้วยเครื่อง CT SCAN
การผ่าตัดไส้ติ่งแบบเปิด และแบบส่องกล้อง (MIS) ต่างกันอย่างไร
- การผ่าตัดแบบเปิด : เปิดผู้ป่วยจะมีบาดแผลบริเวณท้องน้อยด้านขวา ใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน
- ผ่าตัดไส้ติ่งแบบส่องกล้อง : จะมีแผลขนาดเล็กเพียง 2-3 แผล คือ แผลบริเวณใต้สะดือ บริเวณด้านซ้ายและด้านขวาของท้องน้อย หลังจากผ่าตัดผู้ป่วยจึงจะปวดแผลน้อย
และเป็นการผ่าตัดที่ใช้กล้องส่องจึงทำให้การผ่าตัดมีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เป็นไส้ติ่งอักเสบไม่ผ่าตัดได้หรือไม่
การรักษาไส้ติ่งอักเสบจะมีเพียงการผ่าตัดเอาไส้ติ่งที่อักเสบออกเท่านั้น โดยต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุด เพราะหลังจากเกิดการอักเสบแล้วไส้ติ่งอาจจะเน่า และแตกทะลุภายใน 24-36 ชั่วโมง หากไส้ติ่งแตกจะมีความเสี่ยงที่อาจทำให้เสียชีวิตสูง
โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบและมีภาวะช็อกได้
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการเป็นไส้ติ่งอักเสบ
บางคนอาจมีความเชื่อว่าการรับประทานเม็ดฝรั่ง หรือเม็ดของผลไม้อื่น ๆ จะทำให้ไปอุดตันที่ไส้ติ่ง และส่งผลให้เกิดไส้ติ่งอักเสบ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่ไปอุดตันในไส้ติ่งนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอุจจาระของเราเอง สาเหตุที่มาจากการรับประทานเม็ดของผลไม้มีความเป็นไปได้ แต่จะเกิดขึ้นได้น้อยมากนั่นเอง ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษาโดยด่วนที่สุดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน หรือความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการเสียชีวิต ดังนั้นหากพบว่าตนเองมีอาการที่มีความเสี่ยงว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และการรักษาต่อไป
โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ มีศักยภาพในการผ่าตัดรักษาโรค “ไส้ติ่ง” ได้ทั้งการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
และการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) โดย ศัลยแพทย์เฉพาะทาง และทีมสหวิชาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ในการผ่าตัดรักษา
ข้าราชการสามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรง (คลิก)
ในการร่วมจ่ายค่าผ่าตัดรักษานิ่วในถุงน้ำดีที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ ได้ทั้งแบบผ่าตัดเปิดหน้าท้องและการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) ผู้ที่สามารถใช้สิทธิข้าราชร่วมจ่ายได้
- ข้าราชการประจำ
- ลูกจ้างประจำ
- ผู้รับเบี้ยหวัด
- ผู้รับบำนาญ
- บุคคลในครอบครัวของข้าราชการ (บิดา, มารดา, คู่สมรส และบุตร 3 คน)
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
แผนกศัลยกรรม
สถานที่
ชั้น2
เวลาทำการ
จ,อ,พ,พฤ,ส : 08.00-20.00 ศ,อา : 08.00-17.00
เบอร์ติดต่อ
(056) 000 111 ต่อ 510401 ,510402