วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
25 มีนาคม 2567
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ทุกปี และมักจะรุนแรงมากขึ้น การผลิตวัคซีนจึงมีการพัฒนา
เพื่อให้ครอบคลุมเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรค โดยภูมิคุ้มกันที่เกิดหลังการฉีดวัคซีนจะมีความเฉพาะเจาะจง
ต่อเชื้อที่ทำให้เกิดโรคในแต่ละปีเท่านั้นและหากไม่ได้รับวัคซีนซ่ำ ในระยะเวลา 1 ปี ก็จะสามารถป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีก
แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ Southern hemisphere ประกอบด้วย
1. an A/Victoria/4897/2022 (H1N1)pdm09-like virus
2. an/A/Thailand/8/2022 (H3N2)-like virus
3.a B/Austria/1359417/2021 (B/Victoria lineage)-like virus
4. a B/Phuket/3079/2013 (ฺB/Yamagata lineage)-like virus
- ช่วยลดอาการเจ็บป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่
- ช่วยลดการติดเชื้อและความรุนแรงของโรค
- ช่วยลดตวามรุนแรงในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวและเด็กเล็ก
- ช่วยลดการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
- ผู้สูงอายุ
- สตรีตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลิอด สมอง โรคปอด หอบ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไตเรื้อรัง ผู้ป่วยมะเร็ง เป็นต้น
- ผู่ที่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
- โรคอ้วน (น้ำหนักมากกว่า > 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กก/ตร.ม.)
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
- แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเป็นการป้องกันแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่
วัควีนไข้หวัดใหญ่สามารถฉีดได้ตลอดทั้งปี แต่ที่เหมาะสมที่สุด คือช่วงเปลี่ยนฤดูกาลก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรค โดยเฉพาะฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม และฤดูหนาว ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์ตรวจสุขภาพ
สถานที่
ชั้น 4
เวลาทำการ
07.00-17.00
เบอร์ติดต่อ
(056) 000 111 ต่อ 510801,510802