สัญญาณอันตราย...โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภัยเงียบใกล้ตัวคุณ
23 ตุลาคม 2567
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภัยเงียบใกล้ตัวคุณ!
หากพูดถึงสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก หนึ่งในนั้นคงมี “โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด” ติดโผมาด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2562 พบว่าโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดนี้จัดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 4 ของประชากรไทย รองมาจากดรคมะเร็งและอุบัติเหตุ โดยแท้จริงแล้วสาเหตุเกือบทั้งหมดของโรคนี้ เกิดมาจากการที่ผู้ป่วยมีหลอดเลือดหัวใจตีบนั่นเอง
สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน เกิดจากหลอดเลือดอดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัวหรอมีไขมันไปเกาะผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง ปริมาณเลือดแดงผ่านได้น้อย เป็นผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหากหลอดเลือดแดงตีบแคบมากจนอุดตัน จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้
สัญญาณอันตรายจากภาวะหัวใจขาดเลือด
- เจ็บหน้าอกหนักแน่นกลางอก เหมือนมีของหนักทับ เหงื่อแตกโชก เจ็บร้าว ชาไปที่กราม ขากรรไกร หน้าใบหูทั้งสองข้าง ร้าวไปที่ไหล่ซ้าย อาการนี้มักเป็นเมื่อออกแรงและดีขึ้นเมื่อหยุดพัก อาการเจ็บหน้าอกจะมากและบ่อยขึ้น ซึ่งระยะนี้ถ้าตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) จะมีอาการผิดปกติ
- อาการอื่นที่อาจเป็นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น เวียนศีรษะ หน้ามืด เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ ใจสั่น เป็นลักษณะเฉพาะของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันที่เป็นผลจากภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ
อาการของภาวะหัวใจขาดเลือด จากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
- รู้สึกเจ็บหน้าอกจนทนไม่ไหว แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก มักเป็นที่ลิ้นปี่ หน้าอกตรงกลางหรือร้าวไปหน้าอกซ้าย
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย
- บางรายพบว่ามีอาการใจสั่น เหงื่อแตกร่วมด้วย
- วูบ หมดสติ หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตเฉียบพลัน
สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- อายุมากขึ้น
- ระดับคอเลสเตอรอลสูง ระดับไขมันในเลือดสูง
- โรคเบาหวาน
- โรคความดันโลหตสูง
- ภาวะอ้วน
- การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
- มีภาวะเครียดหรือใช้ชีวิตภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดเป็นประจำ
- ขาดการออกกำลังกาย
การตรวจวินิจฉัย...หลอดเลือดหัวใจตีบ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เป็นการตรวจความสมบูรณ์ของคลื่นไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจ อัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจว่ามีความผิดปกติหรือไม่
-
การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) ใช้ในการตรวจหาความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด ที่ตรวจไม่พบในขณะที่ร่างกายหยุดพักหรือไม่ได้ออกกำลังกายอย่างหนัก
- การตรวจหัวใจด้วยเครื่องเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echo) จะใช้อุปกรณ์ที่คล้ายเครื่องอัลตราซาวด์ตรวจบริเวณหน้าอก และใช้เสียงสะท้อนความถี่สูงเพื่อจำลองภาพ ขนาด และการทำงานของหัวใจ
-
การตรวจหาคราบหินปูนหลอดเลือดหัวใจ (CT Calcium score) เป็นการตรวจปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือด โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT Scan) และคำนวณหสปริมารแคลเซียมที่เกาะภายในผนังหลอดเลือดแดงและสามารถบอกปริมาณหินปนที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดหัวใจ เพื่อใช้บ่งชี้แนวโน้มถึงโอกาสในการที่จะเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โดยใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที
-
การฉีดสีสวนหัวใจ จะเป็นขั้นตอนตรวจลำดับสุดท้าย หากพบความผิดปกติของหลอดเลือดที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสวนหัวใจ แพทย์จะทำการใส่สายสวนหัวใจ เพื่อทำการขยายหลอดเลือดที่ตีบแคบด้วยบอลลูนหัวใจและขดลวดถ่างขยายได้ในทันที
เพราะหัวใจที่แข็งแรง...คือก้าวแรกของการห่างไกลโรคหัวใจ
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ สามารถป้องกันได้ด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้เกิดการตีบตันของเส้นเลือด เช่น การงดสูบบุหรี่ เลี่ยงรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เพิ่มการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น
ควรระวังและดูแลสุขภาพอย่างเต็มที่เพื่อลดความสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ รวมถึงการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ ลดความเครียด และควบคุมปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ เช่น น้ำหนัก และความดันโลหิต
“หากคุณหรือบุคคลในครอบครัวของคุณมีอาการเสี่ยงหรือเป็นโรคหัวใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและประเมินสุขภาพของหัวใจอย่างถูกวิธีหากมีคำถามหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา
ต้องการปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง แผนกโรคหัวใจและหลอดเลือด
โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ พร้อมดูแล ติดต่อ 056 000 111 ต่อ 510211”
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
แผนกโรคหัวใจและหลอดเลือด
สถานที่
ชั้น1
เวลาทำการ
จ,พฤ,ศ : 17.00-20.00 ,อ,พ : 17.00-19.00 ส,อา : 08.00-17.00
เบอร์ติดต่อ
(056) 000 111 ต่อ 510211